นี่คือคำอธิบายของส่วนประกอบสำคัญ:

  1. SSL/TLS และข้อความที่ไม่ได้เข้ารหัส:

    • SSL/TLS (ชั้นป้องกันซ็อกเก็ตที่ปลอดภัย/การรักษาความปลอดภัยชั้นขนส่ง) ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย เช่น การรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต (HTTPS) โดยปกติคุณไม่สามารถดูเนื้อหาที่เข้ารหัส (ข้อความที่ไม่ได้เข้ารหัส) ได้หากไม่มีคีย์ที่ถูกต้องหรือใบรับรองของหน่วยงานรับรองความปลอดภัย (CA) ที่ถอดรหัสข้อมูลนั้นได้
  2. eBPF (ตัวกรองแพ็คเก็ตขยายของเบิร์กลีย์):

    • eBPF เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณสามารถรันโปรแกรมที่แยกออกจากกันในเคอร์เนลของ Linux โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดต้นฉบับของเคอร์เนลหรือเพิ่มโมดูลใหม่ในเคอร์เนล โดยส่วนใหญ่ใช้ในการติดตาม ตรวจสอบ และการจัดการเครือข่าย เนื่องจากสามารถจับและกรองแพ็คเก็ตเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ด้วย eBPF คุณสามารถเขียนโปรแกรมที่ดักฟังและตรวจสอบการรับส่งข้อมูลเครือข่ายหรืองานต่างๆ ของระบบ เช่น เมื่อแอปพลิเคชันที่ใช้ SSL/TLS ถอดรหัสข้อมูลแล้ว
  3. ทำงานอย่างไร:

    • โดยทั่วไปแล้ว การถอดรหัสการรับส่งข้อมูล SSL/TLS จะต้องเข้าถึงใบรับรองของหน่วยงานรับรองความปลอดภัย (CA) ที่ออกโดยหน่วยงานที่เชื่อถือได้เพื่อถอดรหัสการสื่อสารที่ปลอดภัย
    • ด้วย eBPF คุณจะสามารถดักฟังข้อมูลที่ถูกถอดรหัสแล้วในหน่วยความจำของเซิร์ฟเวอร์หรือเครื่องลูกข่ายได้โดยตรง (เช่น ก่อนที่จะเข้ารหัสหรือหลังจากถอดรหัสแล้ว) เนื่องจากแอปพลิเคชันที่ใช้ SSL/TLS จะต้องถอดรหัสข้อมูลเพื่อใช้ และ eBPF สามารถเข้าถึงในช่วงนี้ได้
  4. รองรับ Linux/Android:

    • เทคนิคนี้รองรับเคอร์เนลของ Linux/Android ที่ทำงานบนสถาปัตยกรรม amd64 และ arm64 ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้มักพบในเซิร์ฟเวอร์ (amd64) และอุปกรณ์มือถือ (Android arm64)
    • นักพัฒนาและนักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถใช้ eBPF เพื่อดักฟังการรับส่งข้อมูลโดยไม่ต้องแก้ไขการเข้ารหัส SSL/TLS โดยตรง
  5. กรณีการใช้งานและความเสี่ยง:

    • การวิจัยความปลอดภัยและการแก้จุดบกพร่อง: วิธีนี้สามารถนำมาใช้ในงานที่ถูกต้อง เช่น การแก้ไขข้อบกพร่อง การตรวจสอบประสิทธิภาพ หรือการวิจัยด้านความปลอดภัย (เช่น การตรวจสอบช่องโหว่ในการรับส่งข้อมูล)
    • การใช้งานในทางที่ผิด: มันอาจก่อให้เกิดความกังวลได้เช่นกัน เนื่องจากผู้ไม่หวังดีอาจใช้วิธีนี้เพื่อดักฟังข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากการรับส่งข้อมูลเครือข่าย